แพภูตะวัน เขื่อนเชี่ยวหลาน ดื่มด่ำธรรมชาติ ความเงียบสงบ และผืนน้ำสีเขียวมรกต
แพภูตะวัน ตั้งอยู่ภายในเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน อยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี 84 กิโลเมตร การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 401 จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 58 ให้เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 12 กิโลเมตร ซึ่งการเดินทางจากท่าเรือมาสู่แพภูตะวัน จะใช้เวลาในการเดินทางเพียง 30 นาที แพภูตะวันนั้นมีบรรยากาศเรียบง่าย ล้อมรอบด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ ผืนน้ำสีเขียวมรกต ที่ทำให้อดใจไม่ไหวจะต้องกระโดดลงไปเล่นน้ำจนฉ่ำอุรา แพภูตะวันเป็นแพที่พักที่มีการดีไซน์ออกมาให้ดูเก๋ไก๋ มีทั้งห้องพักแบบแคปซูลกับห้องพักเรือนกระจก ที่หันหน้าสู่ผืนน้ำสีเขียวมรกต ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมทิวทัศน์งดงามของเขื่อนรัชชประภาได้จากภายในห้องพัก และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับบริการนักท่องเที่ยวเช่น เรือคายัก เสื้อชูชีพไว้สำหรับใส่เล่นน้ำ และเรือบริการนำเที่ยว
เขื่อนรัชชประภาเป็นเขื่อนสารพัดประโยชน์ ที่เป็นทั้งแหล่งกักเก็บน้ำการชลประทานเพื่อการเพาะปลูก ทำการประมงน้ำจืด และเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า ทิวทัศน์ภายในพื้นที่บริเวณเขื่อนรัชชประภา มีความงดงามอย่างมาก โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูนที่สูงชันอยู่ในเขื่อน เป็นภูเขาที่มีรูปร่างสวยงามตามธรรมชาติ และล้อมรอบด้วยผืนน้ำสีเขียวมรกตที่กว้างใหญ่ เหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนอย่างมาก
เดิมแพภูตะวันใช้ชื่อว่าแพคลองมุย แต่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นภูตะวัน ซึ่งชื่อนี้ได้แรงบันดาลใจจาก คุณกา จันทร์จิรา วัญญา ผู้เริ่มกิจการแพที่พักแห่งนี้ร่วมกับ คุณแป๊ะ ณรงค์ฤทธิ์ ทองมุสิทธิ์ โดยทั้งสองท่านเริ่มทำธุรกิจแพแห่งนี้ ในปี 2549 ซึ่งชื่อแพภูตะวันเกิดมาจากที่ตั้งของแพที่พักห้อมล้อมด้วยภูเขาทั้ง 4 ด้าน ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่มีความงดงามมากในเขื่อนรัชชประภา และในยามเย็นพระอาทิตย์จะตกตรงบริเวณภูเขาด้านหน้าแพพอดี
ในช่วงแรกของการเริ่มกิจการ แพภูตะวันเป็นแพที่พักที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้แค่ไม่กี่สิบคน มีเพียงโรงอาหารหลังเล็ก ๆ และแพที่พักจำนวน 8 หลัง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และเมื่อแพภูตะวันเป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น จึงได้สร้างแพสำหรับต้อนรับหลังใหม่เพิ่ม 1 หลัง กับแพที่พักใหม่จำนวน 32 หลัง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว (2 วัน 1 คืน, 3 วัน 2 คืน) ที่ชื่นชอบการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ
จุดเด่นของแพภูตะวัน
อาหารที่ทางแพภูตะวันจัดให้กับนักท่องเที่ยว โดยส่วนมากแล้วจะเป็นปลาน้ำจืดจากเขื่อน ที่มีความสดกับรสชาติอร่อยล้ำเลิศ นำมาปรุงตามแบบฉบับรสชาติอาหารปักษ์ใต้ กลายมาเป็นอาหารรสชาติอร่อยเข้ากับบรรยากาศได้อย่างดีเยี่ยม และส่วนของแพที่พัก ด้านหน้าของที่พักแต่ละหลังมีการตกแต่งด้วยกระจกใสหันหน้าสู่ผืนน้ำกว้างใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมทิวทัศน์แสนงดงามของเขื่อนรัชชประภาจากภายในห้องพัก ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติกับชาวไทยต่างชื่นชมทั้งธรรมชาติและการบริการของแพภูตะวันที่บริการประดุจดั่งญาติมิตร จึงแวะวียนมาใช้บริการแพภูตะวันกันอย่างไม่ขาดสาย
จุดดึงดูดที่น่าสนใจของแพภูตะวัน
- บัวผุดความมหัศจรรย์แห่งพืชพันธุ์ ดอกบัวผุดเป็นดอกไม้ที่มีความสวยงาม และมีขนาดดอกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อบานเต็มที่จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร จนถึง 1 เมตรเศษ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วดอกบัวผุดจะเบ่งบานช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุก ๆ ปี ซึ่งบัวผุดหรือที่คนใต้เรียกกันว่าบัวตูม จะอาศัยดูดกินแร่ธาตุกับน้ำจากย่านไก่ต้ม โดยต้นแม่ยังคงมีชีวิตอยู่ และจะพบเห็นก็ในยามที่มันต้องการผสมพันธุ์ก็คือ ที่บริเวณผิวของย่านไก่ต้มจะเริ่มมีตาดอกเป็นปุ่มกลมเล็ก ๆ โตขึ้น หลังจาก 9 เดือน จะมีขนาดเท่ากับหัวกะหล่ำยักษ์ ต่อมาอีกไม่เกิน 7 วัน ดอกไม้จะบาน แต่ทว่าดอกตัวผู้กับดอกตัวเมียจะแยกกันอยู่ จึงต้องอาศัยจังหวะในช่วงเวลาบาน ให้แมลงวันช่วยผสมเกสรให้ ซึ่งถือได้ว่าบัวผุดมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะสูญพันธุ์
- ถ้ำปะการัง จะอยู่ด้านในของเขื่อน บริเวณภายในถ้ำจะมีหินงอกหินย้อยที่แตกต่างจากถ้ำอื่น ๆ มีลักษณะแตกหน่อเล็ก ๆ ที่ดูแล้วจะมีลักษณะคล้ายกันกับปะการังในทะเล ซึ่งจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน เขาว่ากันว่าถ้ำแห่งนี้เคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน หิกงอกหินย้อยจึงกลายเป็นเหมือนกับปะการัง ซึ่งในการเดินทางไปยังถ้ำปะการัง แค่นั่งแพไม้ไผ่ต่อไปไม่ไกลก็ถึงบริเวณหน้าถ้ำ
- กุ้ยหลินเมืองไทย ภูมิประเทศโดยทั่วไป ล้อมรอบด้วยผืนน้ำกว้างใหญ่กับภูเขาหินปูนที่สูงชัน เต็มไปด้วยธรรมชาติ และความลึกของระดับน้ำประกอบกับสีของตะไคร่น้ำที่อยู่เบื้องล่าง ทำให้น้ำในเขื่อนมีลักษณะเป็นสีเข้มราวสีมรกต ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศที่มีความคล้ายกับเมืองกุ้ยหลินของประเทศจีน อีกทั้งยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากแพภูตะวัน